จากกรณีเพจ อีซ้อขยี้ข่าว แชร์คลิปคนแห่หมอบกราบ "อาจารย์เอ จักรพรรดิ" พร้อมตั้งคำถาม ทำไมต้องหมอบกราบ? เค้าคือใคร…อยู่วรรณะไหน? ซึ่งภาพจากคลิปเป็นชายรายหนึ่งในชุดสีฟ้านั่งรถหรูหรามีคนประกบดูแลใกล้ชิดคอยถือร่มให้อีกทั้งยังมีพรมปูรอรับจากรถท่ามกลางผู้คนที่นั่งพนมมือไหว้ต้อนรับบางรายมีพวงมาลัยมามอบให้

ภายหลังจากคลิปดังกล่าวนี้ ได้ถูกเผยแพร่ออกไป ก็ทำเอาใส่หลายคนสงสัยและอยากรู้ถึงประวัติความเป็นมาของคนดังกล่าวนี้ว่าเป็นใครเหตุใดจึงมีผู้คนมารอกราบไหว้

ล่าสุด วันนี้ 13 มี.ค. 2567 นาย ธนกฤต โรจนตรีภูมิ หรือ “เอ จักรพรรดิ” เจ้าของบริษัทจักรพรรดิมั่งคั่ง ให้สัมภาษณ์ต่อสื่อมวลชนว่า ตนเป็นอาจารย์และเป็นคนหนึ่งที่เกิดมาเหมือนคนทั่วไป เกิดจากครอบครัวชาวนา พ่อของตนมีตาข้างเดียวแล้วก็เลี้ยงตนมาอย่างดี ให้การศึกษามาโดยตลอด ตนเกิดมาไม่ได้มีโอกาสในชีวิตมากมาย จึงพยายามที่จะทำงานทุกอย่างที่สามารถทำได้ ต่อสู้ชีวิตมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นพนักงานร้านเช่า VCD ตั้งโต๊ะขายโทรศัพท์ ขายเสื้อผ้า ร้านเสริมสวยต่างๆ แต่ที่คนรู้จักมากที่สุดน่าจะเป็นช่วงที่ขายสบู่นีออน

กรณี เพจอีซ้อขยี้ข่าว แชร์คลิปคนแห่หมอบกราบ นั้น เอ จักรพรรดิ ชี้แจงคลิปจากภาพที่มีการกราบไหว้ อย่างแรกขออธิบายว่าตนไม่เคยมีกฎระเบียบว่าทุกคนต้องกราบไหว้ ต้องนั่งกับพื้น ต้องหมอบ หรือ ต้องคลาน แต่ลูกศิษย์จะทราบกันดี เคยมีคนบอกว่าไม่เหมาะสม ตนก็ระมัดระวังเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ที่ผ่านมา ตนไลฟ์สดแจ้งลูกศิษย์ว่าหากมาหาให้ยืนได้ตามปกติ ทุกคนที่มาถ่ายรูปกับตนก็จะทราบดีว่าให้ยืนได้ แต่ท้ายสุดแล้วคือความรักความศรัทธาที่ลูกศิษย์มีต่ออาจารย์

ตนเป็นคนหนึ่งที่มีครูบาอาจารย์เช่นเดียวกัน และเวลาเข้าหาครูบาอาจารย์ก็หมอบก็กราบ เป็นการให้ความเคารพและความรักมันไม่มีเหตุผล และไม่มีกฎกติกาใด และ ตนเข้าใจได้ดีว่าในภาพของคนที่มองเข้ามาอาจจะรู้สึกว่าทำไมถึงเป็นภาพแบบนี้ เกิดความคิดต่างๆนานา ตนเข้าใจทุกความคิดเห็นของทุกคน เพราะทุกคนมีความเชื่อ ความคิด มุมมองที่แตกต่างกันออกไป แต่ท้ายสุดแล้วเชื่อว่าไม่ว่าเรากำลังเชื่ออะไรอยู่ คิดอะไรอยู่ เราทุกคนอยากได้รับการเคารพในความเชื่อของตนเสมอ

สำหรับพรมแดงที่ปรากฏอยู่ในคลิป และมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าปูพรมแดงรอต้อนรับนั้น แท้จริงแล้วเป็นพรมเช็ดเท้า ส่วนพรมสีน้ำเงินนั้นปูไว้สำหรับให้ลูกศิษย์ลูกหาที่มาที่เทวาลัยแห่งนี้ รู้สึกเดินสบายเท้าไม่ร้อนร่มรื่น

ส่วนจะไปกำชับลูกศิษย์หรือไม่นั้น ตนคงไม่ไปกำชับเพราะเป็นการแสดงออกถึงความรัก ถ้าไปห้ามนั้นหมายถึงกฎเกณฑ์ เพราะฉะนั้นเขาอยากแสดงออกความรัก เขาทำได้ แต่ให้รู้ไว้ว่าตนไม่ได้เรียกร้องให้ทุกคนจะต้องแสดงออกแบบนั้น อยากจะบอกว่า เข้าใจได้กับประเด็นที่เกิดขึ้น ตนเป็นมนุษย์คนหนึ่ง ที่มีความชอบและไม่ชอบ เห็นด้วยและไม่เห็นด้วย เป็นเรื่องปกติ ดังนั้นเคารพในความคิดเห็นของทุกคนว่าอาจจะมีแตกต่างกันไปบ้าง ไม่เป็นไร แต่ก็ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาคอมเม้นที่ทำให้ตนได้กลับมาศึกษาเข้าใจตนเองและถามกับตนเองว่าเราจะสามารถดีขึ้นได้อย่างไรบ้าง

โดยจุดเริ่มต้นของการมาเป็น เอ จักรพรรดิ อยู่ในช่วงที่ตนเคยล้มละลายมาก่อน ผิดพลาดทางธุรกิจ ซึ่งก็ได้ไปบนบานศาลกล่าวกับครูบาอาจารย์ว่าหากสามารถผ่านพ้นช่วงวิกฤตนี้ไปได้ และได้ทุกอย่างกลับคืนมา จะดำรงตนในสายนี้ เป็นตัวแทนของเทพไท้เทวาครูบาอาจารย์ในการสื่อสารเรื่องศรัทธาต่างๆเหล่านี้ให้กับผู้คนได้รู้จัก ซึ่งก็ถือเป็นเรื่องปาฏิหาริย์ที่ตนได้ไปที่ศาลล้มละลายกลาง แล้วก็เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้ตนได้ทุกอย่างกลับคืนมา

เอ จักรพรรดิ เล่าว่า ที่ผ่านมาใช้ชีวิตขายของตามปกติ แล้วค่อยๆเติบโตขึ้นมา และการที่จะมาเป็นอาจารย์นั้น ก็เริ่มต้นจากตัวเองมีกลุ่มลูกศิษย์เล็กๆกลุ่มหนึ่ง ซึ่งก็ไม่คิดว่าจะเป็นที่รักของคนมากมาย แต่ทันทีที่เรารู้ว่ามีคนรักและศรัทธาในตัวเรามาก เราก็พยายามอยากจะเป็นคนที่ดีมากขึ้น ส่วนการร่ำเรียนศาสตร์วิชาต่างๆจากครูบาอาจารย์นั้น ขออนุญาตไม่เปิดเผยเพราะเป็นเรื่องที่ sensitive ไม่อยากให้เกิดการเชื่อมโยงใดๆ แต่ไม่ว่าตนจะร่ำเรียนมาจากไหนก็ตาม ทั้งหมดแล้วมันคือความเชื่อ มันคือที่พึ่งทางใจของผู้คน ที่มีความสบายใจได้มากราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

สำหรับการก่อตั้งเทวาลัยแห่งนี้ เกิดขึ้นจากความเชื่อที่ตนเคยบนบานศาลกล่าวเอาไว้ว่า วันหนึ่งหากมีบุญมากพอ ขออนุญาตสร้างเทวาลัยขึ้นมาเพื่อให้คนได้มาสักการะและได้มีที่พึ่งทางใจ ส่วนตัวมองว่าที่นี่เป็นบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งเป็นบ้านที่ใครบางคนที่ไม่มีใครรับฟังหรือไม่มองเขามีตัวตน ก็อยากให้เขาเข้ามาที่นี่แล้วรู้สึกสบายใจ เราทำให้เขาได้รับประโยชน์ให้เขาได้มีแรงกำลังในการต่อสู้ใช้ชีวิตต่อไปในอนาคต หากคนที่ติดตามตนจะทราบว่านอกเหนือจากการสร้างเป็นสถานที่ให้คนมากราบไหว้บูชาแล้ว ตนยังเตรียมที่จะก่อสร้างเป็นสถานปฏิบัติธรรมและสถานที่สอนสัมมาอาชีพ เพื่อให้ทุกคนได้มีโอกาสเรียนรู้ ได้มีการมาแบ่งปันอาชีพกัน ซึ่งอยู่ระหว่างการออกแบบและจะเริ่มก่อสร้างในเร็ววันนี้

ส่วนกิจกรรมหรือพิธีกรรมต่างๆที่เกิดขึ้นที่เทวาลัยแห่งนี้ ตนเป็นชาวพุทธ เคารพคุณพระศรีรัตนตรัย มีองค์สัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นที่ยึดมั่น แต่เราได้รับอิทธิพลความเชื่อมาจากพราหมณ์ฮินดูมาแต่โบราณ ดังนั้นการทำพิธีกรรมต่างๆมันก็ย่อมมีอยู่บ้าง เช่น มีทำพิธีพระลักษณ์หน้าทอง คเณศชยันตี พิธีคเณศจตุรถี ที่ทำให้ใครรู้จักตนมากขึ้น โดยที่ไม่เรียกเก็บค่าครู หรือค่าทำพิธีกรรม กับลูกศิษย์ลูกหา ตนอยากให้ทุกคนที่เดินเข้ามาที่เทวาลัยแห่งนี้อย่างน้อยที่สุด คุณจะได้รับรอยยิ้มความรู้สึกดีๆออกไปแค่นั้นเอง

สำหรับ พิธีพระลักษณ์หน้าทอง ค่าพิธี 9 บาท ซึ่งการทำพิธีตนได้ลงทุนจำนวนเงินกว่า 10 ล้านบาท เพราะทุกอย่างในการทำพิธีเป็นทองคำหมด แต่ที่ร่ำเรียนมาครูบาอาจารย์ได้บอกว่าหากเรียนไปแล้วจะหารายได้จากส่วนนี้ไม่ได้ซึ่งตนก็พร้อมที่จะเรียนและเก็บค่าพิธี 9 บาทเท่านั้น ซึ่งมันก็ทำให้ทุกคนที่ไม่มีปัจจัยหรือทรัพย์มากพอต้องการที่พึ่งทันใจเขาสามารถเข้ามาทำพิธีได้และทุกครั้งที่ทำพิธี ตนจะให้เกียรติลูกศิษย์เสมอ มีทีมงานคอยบริการมีน้ำอาหารจัดให้หมด

นอกเหนือจากนี้ยังมีกลุ่มลูกศิษย์หลายคนที่อยากทำพระลักษณ์หน้าทองแต่เขาไม่มีกำลังทรัพย์ และไม่สะดวกในการเดินทาง ตนก็ทำพิธีพระลักษณ์หน้าทองสัญจร ครั้งแรกทำในจังหวัดขอนแก่น ทำไปประมาณกว่า 2,000 คน ครั้งต่อไปจะไปทำที่จังหวัดเชียงใหม่ในวันที่ 18 มี.ค.ที่จะถึงนี้

ส่วนพิธีศิวราตรี ไม่ได้คิดค่าครู ค่าพิธีใดๆ ค่าใช้จ่ายของไหว้ทุกอย่างตนเตรียมไว้ให้หมด แต่บางพิธีที่จัดขึ้นอย่างเช่น วันที่ 13 เม.ย.ที่มา จะเป็นงานพิธีเสาร์ 5 คิดค่าครูพอเป็นธรรมเนียมแค่ 299 บาท เพราะทุกครั้งที่ตนจัดงานพิธีจะไม่อยากให้เดือดร้อนคนในชุมชน จะไปเช่าที่จอดรถด้านนอก และต้องมีรถรับส่งลูกศิษย์เสมอในการเข้ามาทำพิธีจนกว่าพิธีจะจบ มีเครื่องไหว้สักการะ ทั้งพวงมาลัย ธูปเทียนของไหว้ต่างๆเตรียมไว้ให้ลูกศิษย์ รวมถึงอาหารเช้าต่างๆด้วย อีกทั้งในงานวันดังกล่าวครูบาอาจารย์มาเยอะ ต้องให้เป็นพิธีธรรมเนียมปฏิบัติ 299 บาท

ในส่วนค่าใช้จ่ายต่างๆที่ตนใช้ในการทำพิธีกรรมและค่าใช้จ่ายต่างๆ แม้ว่าจะไม่ได้มีการเรียกเก็บค่าพิธีกับทางลูกศิษย์นั้น เกิดจากรายได้ที่มา 2 ส่วน คือรายได้จากวัตถุมงคล 2 อย่าง คือ ตะกรุดปรับฐานดวงและปี่เซียะจักรพรรดิ ถ้าคนติดตามเพจก็จะทราบดี และ เรามีมูลนิธิที่จะช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาส ส่วนพิธีกรรมต่างๆบางครั้งเป็นทรัพย์ส่วนตัวของอาจารย์ที่จะสนับสนุนเข้าไปด้วย

ส่วนประเด็นที่สังคมมองว่า เอ จักรพรรดิ จากพ่อค้าออนไลน์ แล้วผันตัวมาเป็นบุคคลที่คนกราบไหว้ ตรงนี้ ยอมรับว่า เคยเป็นพ่อค้าออนไลน์ แล้วเคยเป็นพ่อค้าขายเสื้อผ้า เคยติดหนี้รายวัน เคยเป็นพนักงานประจำ เคยมาหลายอย่างมาก แต่ทั้งหมดถือเป็นประสบการณ์ในชีวิต ซึ่งมันเป็นอดีตและเชื่อว่ามนุษย์ทุกคนที่เกิดมาบนโลกนี้ เพื่อค้นหาความสุขให้กับตนเองค้นหาสิ่งที่เรารัก แน่นอนในประสบการณ์ชีวิตที่ผ่านมามันอาจจะมีสิ่งที่เราทำดีบ้าง ทำร้ายบ้าง ที่เราภาคภูมิใจบ้างหรือเสียใจในตัวเองบ้าง แต่ไม่ว่าเหตุการณ์ไหนที่มันเกิดขึ้นในอดีตก็ตาม ตนเชื่อว่าทุกคนขับเคลื่อนและพยายามทำปัจจุบันให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ จนเป็นคนๆหนึ่งที่เคยผิดพลาดมาหลายเรื่อง สำเร็จมาหลายเรื่อง แต่วันนี้อยากเป็นคนที่ดีขึ้นเท่านั้นเอง แค่ให้โอกาสตัวเองได้ลุกขึ้นมาดีขึ้นเท่านั้นเอง

เปิดสถิติ อาร์เซน่อล ทะลุ 8 ทีม ยูฟ่าแชมเปี้ยนส์ลีก สิ้นสุดการรอคอยรอบ 14 ปี

"เอฟ นนท์พัฒน์" เสียชีวิตอย่างสงบด้วยโรคมะเร็งในวัย 47 ปี คำพูดจาก สล็อตเว็บตรง

ทีมทนายความยัน ศาลไม่มีการออกหมายเรียก-หมายจับ “บิ๊กโจ๊ก”

By admin